Travis Japan คือกลุ่มบอยแบนด์ป๊อปแด๊นซ์ ที่มีสมาชิก 7 คนจากโตเกียว ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักออกแบบท่าเต้นชาวอเมริกันที่ได้รับรางวัลอย่าง Travis Payne (จาก This is It ของ Michael Jackson, The Monster Ball Tour ของ Lady Gaga ฯลฯ) ซึ่ง Travis Payne ได้ออดิชั่น Travis Japan ในปี 2012 สไตล์การแสดงของพวกเขา คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างโมเดิร์น แจ๊ส และฮิปฮอป และในปีนี้พวกเขายังเตรียมกลับมาพร้อมอัลบั้ม Road to A พร้อมกับประกาศเวิร์ลด์ทัวร์ 6 เมืองใหญ่ ซึ่งได้รวมประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ทัวร์ในครั้งนี้อีกด้วย โดย Travis Japan World Tour 2024 Road to A Bangkok จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ณ ยูเนียน ฮอล์ ชั้น 6 ศูนย์การค้ายูเนียน มอลล์
Travis Japan เปิดตัวทัวร์ครั้งนี้ด้วยเพลง Level Up ที่มาพร้อมกับลุคสูทสีดำสุดเท่ทั้ง 7 คน ตามมาติดๆ ด้วยเพลงเดบิวต์ที่เปิดตัวที่ติดอับดับ 1 ใน 5 ของชาร์ตเพลง Billboard กับเพลงฮิตติดหูอย่าง Just Dance! และเข้าสู่เพลงโชว์เพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่ทุกคนรอคอยในเพลง Hollywood และ World of Dance ที่ทั้ง 7 หนุ่มขนพร็อพมาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นไม้เท้า หน้ากากจิ้งจอก หรือรำพัด เรียกว่าเป็นช่วงโชว์ที่ตื่นตาตื่นใจมากๆ
และแล้วก็มาสู่ชวงแนะนำสุดครีเอทผ่านเพลงแร็ปจังหวะสนุกสนานชวนโยก Unique Tigers ที่บ่งบอกถึงคาแรกเตอร์ของสมาชิกแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เริ่มต้นจาก Leader Tiger (ชากะ), Sweet Tiger (ชิเมะ), Pet Tiger (อูมิ), Sexy Tiger (เก็นตะ), Comedy Tiger (ชิสึ), Pure Tiger (มาชู) ปิดท้ายด้วย Brain Tiger (โนเอล) หลังจากมันกันไปยาวๆ 4 เพลงติดแล้ว ก็มาถึงช่วงคูลดาวน์ที่ทั้ง 7 หนุ่มได้โชว์เสียงร้องเพราะๆ ในเพลงจังหวะช้าๆ Till The Dwan และ Still on a journey พร้อมกลับมามันกันอีกครั้งในเพลงแนวดิสโก้พร้อมกับท่าเต้นเก๋ๆ แนวฟังกี้ T.G.I Friday Night และ Sweet Tune
ซึ่งนอกจากหนุ่มๆ จะขนเพลงจากในอัลบั้มมาฝากแฟนๆ อย่างจุใจแล้ว สำหรับคอนเสิร์ตในประเทศไทย Travis Japan ยังมีโชว์พิเศษเตรียมมาเป็นของขวัญเซอร์ไพร์สมอบให้ทุกคนอีกด้วย กับท่าเต้นสุดเซ็กซี่ในเพลง Hit Me Up ของศิลปิน Time Thai ทำเอาสาวๆ ชาวไทยและญี่ปปุ่นใจบางมากกับท่าเต้นสุดร้อนแรงในโชว์นี้
และแล้วคอนเสิร์ตก็เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังกันแล้ว เมื่อม่านสีเงินค่อยๆ ปิดฉากลงพร้อมกับหนุ่มๆ ทั้ง 7 เข้าไปหลังเวทีเพื่อเปลี่ยนชุดและเตรียมพาทุกคนเข้าสู่ความสนุกแบบฉุดไม่อยู่ด้วย 4 เพลงต่อเนื่องนอนสต็อป เปิดด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึกของลีดเดอร์ชากะที่พูดว่า “I’m Back Here” ในเพลง The Show ต่อด้วย King of the Jungle, Moving Pieces และ Candy Kiss บอกได้คำเดียวว่ามันมากเพราะทุกคนพร้อมใจกันปล่อยจอย โยกตัวไปตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน
หลังจากกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง ทั้ง 7 หนุ่มก็มาในชุดวอร์มสีขาวที่ปล่อยแสงออร่ามาแต่ไกล พร้อมกับขนเพลงฮิตมาให้ทุกคนได้ฟังอีก 4 เพลงต่อเนื่อง 99 Percent, Love Taq, Lock Lock และ Okie Dokie! ซึ่งแฟนๆ พร้อมใจกันร้องตามเสียงดังฟังชัดมากๆ มาก ประหนึ่งเจ้าของภาษามาเอง สร้างความประทับใจในช่วงนี้แบบเกินร้อย
เมื่อหนุ่มๆ Travis Japan บอกลาทุกคนให้เดินทางกลับบ้านดีๆ และเดินลงจากเวทีไป แฟนๆ ก็ไม่ปล่อยให้บรรยากาศต้องดรอปลงไป โดยเริ่มเรียกอังกอร์กันสุดเสียงว่า “โทระจา” (ตัวย่อของ Travis Japan) ซึ่ง 7 หนุ่มก็ไม่รอช้ากลับมาทำการแสดงอีกครั้ง แต่ทำเอาทุกคนเซอร์ไพร์สกันสุดๆ เมื่อ Travis Japan เดินออกมาจากประตูด้านหลังของฮอลล์ เพื่อพบปะแฟนๆ ที่อยู่ด้านหลังอย่างใกล้ชิดบนสเตจเล็กๆ ด้านหน้าโซนคอนโทรล ทำเอาแฟนๆ ปลาบปลื้มเมื่อได้เห็นทั้ง 7 หนุ่มแบบใกล้ๆ (ใกล้มากจริงๆ) และทุกคนน่าจะรู้สึกตรงกับเพลงที่ Travis Japan มอบให้ในช่วงท้ายของงานนี้นั่นคือ Drivin’ Me Crazy หลังจากนั้นทั้ง 7 หนุ่มก็วิ่งกลับขึ้นไปยังเวทีหลัก เพื่อถ่ายภาพความประทับใจร่วมกับแฟนๆ และปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้ จากกันไปด้วยเพลง Talk it! Make it! และ Just Dance! อีกครั้งหนึ่ง เรียกได้ว่าการแสดงของทั้ง 7 หนุ่มได้คว้าใจแฟนๆ ชาวไทยไปแบบเต็มๆ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นวงบอยแบนด์ระดับโลก Travis Japan
งานนี้ต้องขอซูฮกให้กับผู้จัด Avalon Live จริงๆ ที่เนรมิตความสนุกสุดพิเศษครั้งนี้ให้เกิดขึ้น