ในปี 2007 การเข้าฉายของภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันอีพิคที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์เรื่อง Transformers ได้บุกจู่โจมบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกด้วยการเล่าเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจของหุ่นยนต์นักรบที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งบนดาวโลก ด้วยแรงบันดาลใจจากความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของไลน์ของเล่นแปลงร่างได้ที่แปลกใหม่ของฮาสโบร ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ที่ก่อกำเนิดภาพยนตร์ที่ทำลายสถิติอีกหกเรื่องในช่วง 17 ปีหลังจากนั้น และกวาดรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกไปกว่า 5 พันล้านเหรียญ Transformers One ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกนับตั้งแต่ปี 1986 ที่นำเสนอมุมมองใหม่ของจักรวาล Transformers ได้นำผู้ชมย้อนกลับไปหลายล้านปีก่อนสู่ ไซเบอร์ทรอน ดาวบ้านเกิดของเหล่าหุ่นยนต์ยักษ์ที่เรารัก เพื่อเผยถึงต้นกำเนิดของออพติมัส ไพรม์ ผู้นำสูงสุดของเหล่าออโต้บอทส์ผู้กล้า และเมกะทรอน ศัตรูคู่อาฆาตของเขา ผู้บัญชาการผู้โฉดชั่วของกองกำลังดีเซปติคอน
เนิ่นนานก่อนที่เหล่าหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์จะใฝ่ฝันถึงการหลบหนีจากดวงดาวที่กำลังจะดับสูญของพวกเขาไปยังโลกมนุษย์ ไซเบอร์ทรอนได้ให้ความสำคัญกับการทำเหมืองอีเนอร์กอน พลังงานที่เป็นขุมพลังสำหรับทุกชีวิตที่ตอนนี้เหือดแห้งไปแล้ว เหล่าไพรม์รุ่นแรกๆ ล้วนแล้วแต่ดับสูญไปในการทำสงครามกับพวกควินเทสสันที่โหดเหี้ยม ในเมืองเอียคอนที่อยู่ใต้ดิน หุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์ชั้นสูงใช้ชีวิตอยู่ในความหรูหรา ในขณะที่หุ่นยนต์ไร้ฟันเฟืองที่ไม่สามารถแปลงร่างได้ต้องทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เพื่อขุดหาอีเนอร์กอนที่นับวันจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
ท่ามกลางฉากหลังนี้นี่เอง โอไรออน แพ็กซ์ หุ่นยนต์แรงงานในเหมืองที่ทะเยอทะยาน ได้เดิมพันทุกอย่างเพื่อตามหาเมทริกซ์แห่งจิตพลังความเป็นผู้นำที่หายสาบสูญไปนาน สิ่งนี้เป็นเครื่องรางขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ที่เขาเชื่อว่าจะทำให้อีเนอร์กอนกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง โอไรออนได้ร่วมมือกับเพื่อนหุ่นยนต์แรงงาน ดี-16, เอลิต้า-1 และบี-127 (ที่ไม่นานนักคนจะรู้จักในชื่อของ บัมเบิลบี) ได้เดินทางสู่โลกพื้นผิวต้องห้ามของไซเบอร์ทรอนและค้นพบทัศนียภาพที่ชวนตะลึง รวมถึงการสมคบคิดที่น่าตกใจ ที่ครอบคลุมไปถึงชีวิตทรานส์ฟอร์เมอร์ระดับสูงสุด
ความลับที่น่าตื่นตะลึงถูกเปิดเผยและพันธมิตรที่คาดไม่ถึงได้ก่อกำเนิดขึ้นใน Transformers One เรื่องราวต้นกำเนิดของตำนานทรานส์ฟอร์เมอร์ ออพติมัส ไพรม์และเมกะทรอน ภายใต้การกำกับของเจ้าของรางวัลออสการ์ จอช คูลลีย์ (Toy Story 4) แอนิเมชั่นที่น่าทึ่งและแบบดีไซน์ที่แปลกใหม่ของ Transformers One ได้แนะนำศิลปะภาพยนตร์ในอีกระดับให้กับแฟรนไชส์นี้และยกระดับภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันออริจินอลที่ท้าทายในแบบที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ชมทุกวัยที่แสวงหาความลุ้นระทึก เสริมทัพด้วยทีมนักพากย์ที่โด่งดัง ทั้ง คริส เฮมส์เวิร์ธ, ไบรอัน ไทรีย์ เฮนรี, สการ์เล็ตต์ โยฮันสัน, คีแกน-ไมเคิล คีย์, สตีฟ บุชเชมี ร่วมด้วย ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น และ จอน แฮมม์ ในการผจญภัยสุดระทึกที่แฟนๆ รอชมมานานหลายทศวรรษ
ในการสร้างภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ Transformers เรื่องก่อนๆ เสียงของออพติมัส ไพรม์ ผู้นำผู้กล้าหาญและเคร่งขรึมของเหล่าออโต้บอทส์ พากย์เสียงโดยนักแสดงปีเตอร์ คัลเลน เสียงคำรามที่นุ่มนวลของเขาถูกเชื่อมโยงเข้ากับตัวละครตัวนี้ จนกระทั่งตอนนี้ ใน Transformers One คริส เฮมส์เวิร์ธ นักแสดงจากมาร์เวล ได้ก้าวมาพากย์เสียงบท โอไรออน แพ็กซ์ ผู้จะกลายเป็นออพติมัส ไพรม์ในอีกไม่นานนัก
“ในหนังเรื่องนี้ โอไรออนอายุน้อยกว่าและมีประสบการณ์น้อยกว่าครับ” คูลีย์กล่าว “เขายังคงทำอะไรบุ่มบ่าม คิดถึงแต่เรื่องสนุก หลังจากที่ผมได้พบกับคริสและได้ฟังเสียงของเขา ผมก็ไม่เห็นทางเลือกอื่นเลย ความตลกหลายอย่างของตัวละครตัวนี้มาจากเขา เขาใส่เอาความน่าขันที่ผ่อนคลายลงไปในตัวโอไรออน แพ็กซ์ ที่ตลกมากครับ”
เฮมส์เวิร์ธกล่าวว่าเขารับหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ “มันให้ความรู้สึกวิเศษสุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ Transformers ครับ” เขากล่าว “เช่นเดียวกับเพื่อนหลายๆ คนของผม ผมโตมากับการเล่นหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์และการดูการ์ตูน หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของฉบับหนัง แค่ได้มีส่วนร่วมก็เหลือเชื่อแล้วครับ และการได้พากย์เสียงออพติมัส ไพรม์ก็เป็นอีกระดับหนึ่งไปเลย แต่ปีเตอร์ คัลเลนทิ้งรอยเท้าที่ยิ่งใหญ่มากให้ผมเดินตาม ผมเริ่มต้นจากการฟังเสียงเขาและต้องการจะให้เกียรติงานของเขา แต่ออพติมัส ไพรม์ของเขาเป็นหุ่นที่มีอายุมากกว่า ทรงพลังและรอบรู้ทุกเรื่อง ในขณะที่โอไรออนจะหุนหันพลันแล่นมากกว่า การค้นหาพิทช์เสียงและจังหวะที่แตกต่างออกไปเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่สนุกดีครับ”
การมองโลกในแง่ดีอย่างไม่ยึดติดกับอะไร ความหลงใหลและความกระตือรือร้นที่คูลีย์มีต่อโลกใบนี้ทำให้เขารู้สึกอย่างเดียวกัน เฮมส์เวิร์ธกล่าว และความรู้ที่เขาสั่งสมมาในการค้นคว้าข้อมูลของเขาก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่า “ภาพวิชวลช่างน่าทึ่งและเต็มไปด้วยแอ็กชันครับ” นักแสดงหนุ่มกล่าว “สีสัน โทนและรายละเอียดล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ ความซับซ้อนแบบนี้ถูกใส่เข้าไปในการออกแบบฉากต่อสู้และการพัฒนาสไตล์เฉพาะตัวสำหรับตัวละครแต่ละตัว ทั้งหมดนี้ก่อเกิดเป็นหนังที่น่าตื่นเต้น สนุกสนานและให้ความบันเทิงอย่างยิ่งครับ”
แต่คูลีย์ก็ไม่เคยลืมเลือนหัวใจของเรื่องราวนี้ นักแสดงหนุ่มกล่าวเสริม ประเด็นสำคัญของเรื่องราวในสายตาของผู้กำกับยังคงเป็นหุ่นยนต์สองตัวและการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองที่คู่ขนานกันไปของพวกเขาเสมอ “หลายครั้ง มันเป็นเรื่องมิตรภาพฮาๆ ระหว่างเพื่อนซี้สองคน ผู้ลงเอยด้วยการพยายามฆ่ากันเอง แต่กว่าจะไปถึงตอนนั้น มีความสนุกเยอะแยะเลยครับ”
ดี-16 มีนิสัยตรงข้ามกับโอไรออน แพ็กซ์ เขาเป็นผู้ทำตามกฎที่พอใจกับสถานะที่เป็นอยู่ บางครั้งพวกเขาอาจขัดใจกันบ้าง แต่สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แน่นแฟ้น “ด้วยความที่รู้ว่าตัวละครตัวนี้จะกลายเป็นเมกะทรอน ผมก็เลยอยากจะทำให้แน่ใจว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้ร้ายตั้งแต่เริ่มต้นน่ะครับ” คูลีย์กล่าว “เขาและโอไรออนมีมิตรภาพที่วิเศษสุด พวกขาเป็นเหมือนพี่น้องกัน เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกนักแสดงที่จะสามารถถ่ายทอดด้านที่ชั่วร้ายของเขาออกมาได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็จะต้องเป็นคนที่เป็นที่ชื่นชอบได้ด้วย ซึ่งมีแต่ไบรอัน ไทรีย์ เฮนรีเท่านั้นที่ทำได้ครับ”
ตามที่เฮนรีบอก ตอนที่คุณได้รับโทรศัพท์ขอให้คุณรับบทเมกะทรอน คุณมีทางเลือกไหมล่ะ นักกแสดงหนุ่มยอมรับว่าเขายังคงอึ้งไม่หายกับแนวคิดที่ว่าเขาได้เข้าร่วมตำนาน Transformers ในฐานะหนึ่งในศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล “มันเป็นจุดสำคัญในอาชีพของผม เด็กเล็กๆ ในตัวผมอยู่ไม่สุขเลยครับ ผมจำได้ว่าเคยแลกทรานส์ฟอร์เมอร์กับเพื่อนที่โรงเรียนด้วย ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ตลอดเวลาเลย หนังต้นฉบับยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในหัวใจผมเลยครับ”
นักแสดงหนุ่มกล่าวว่าเขาตั้งตารอเรื่องราวต้นกำเนิดอย่างใจจดใจจ่อพอๆ กับแฟนคนอื่นๆ “ไม่มีใครเริ่มต้นจากการเป็นคนชั่วหรอกครับ” เขาเชื่อ “ในตอนเริ่มต้น ดี-16 เป็นคนงานที่ขยัน ฉลาด และรักการต่อสู้ เขาทำตามกฎและเกลียดความอยุติธรรม เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นอะไรมากกว่านี้ แต่เขาจะไม่ทำอะไรล้ำเส้น ตอนที่เขาตระหนักได้ว่าทุกอย่างที่เขาคิดว่าเขารู้เป็นเรื่องโกหก ภาพมายาที่แตกสลายนั้นก็เปลี่ยนแปลงเขาไปครับ”
คูลีย์สามารถดึงเอาความตื่นเต้นแบบเด็กๆ สำหรับโปรเจ็กต์นี้จากทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ เฮนรีกล่าว “เขาทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเช้าวันเสาร์ที่ได้ดูซีรีส์นี้บนโซฟาพร้อมกับชามซีเรียล นี่เป็นเรื่องราวที่ต้องได้รับการบอกเล่าโดยคนที่ใส่ใจมันจริงๆ คนที่คุณสามารถนั่งข้างๆ บนโซฟาตัวนั้นได้ และจอชก็คือคนๆ นั้น จินตนาการของเขาไม่เหมือนกับสิ่งที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลย”
ทั้งแฟนเก่าแก่และแฟนหน้าใหม่ของแฟรนไชส์นี้จะพบอะไรหลายๆ อย่างที่พวกเขาชื่นชอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเชื่อเช่นนั้น “สิ่งที่เราได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับหุ่นยนต์พวกนี้ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด เราเห็นพวกเขาในบ้านเกิดของพวกเขาเป็นครั้งแรก นี่เป็นเรื่องราวของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ นี่ยังเป็นการผจญภัยที่สนุกสุดเหวี่ยง ด้วยตัวละครที่ตราตรึงใจในภารกิจที่ไม่มีวันหยุด! ตั้งแต่นาทีแรกที่แสงไฟในโรงหนังดับลง การแข่งก็เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ”
ภาพยนตร์ Transformers เรื่องแรกๆ มักจะพบความตลกขบขันในความวุ่นวายแบบปลาพ้นน้ำของหุ่นยนต์ยักษ์บนโลก คูลีย์รู้ดีว่าพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้จะใช้ไม่ได้ผลบนไซเบอร์ทรอน แต่ก็ตระหนักด้วยว่าอารมณ์ขันเป็นองค์ประกอบสำคัญของแฟรนไชส์นี้ เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจอย่างคีแกน-ไมเคิล คีย์ให้รับหน้าที่เป็นตัวตลกคลายเครียด ในบทบี-127 (หรือบัมเบิลบี) คีย์กล่าวว่าทันทีที่คูลีย์ ผู้ที่เขาเคยร่วมงานด้วยมาก่อนใน Toy Story 4 ขอให้เขามาร่วมงานด้วย เขาก็ตอบตกลงเสียงดังลั่น “ผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่หลังจากกลับจากโรงเรียน ก็มานั่งดูทีวี ผมก็เลยเอาด้วยครับ ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้และผมก็อยากได้เรื่องราวต้นกำเนิดมาโดยตลอด”
ไม่นานนัก คีย์ก็ได้ค้นพบว่าโลกของทรานส์ฟอร์เมอร์กว้างใหญ่ไพศาลและมีรายละเอียดมากกว่าที่เขาเคยคิดฝันเอาไว้เสียอีก “ในเรื่องนี้ เราได้พบเพื่อนสองคนที่พยายามจะไขปริศนาโบราณ และตอนที่พวกเขาไขปริศนาได้ มันกลับพรากพวกเขาจากกัน นอกจากนี้ พวกเขายังมีเพื่อนร่วมทีมสองคนที่มีสีสันมากๆ อย่างบี-127 และเอลิต้า-1 ที่มาร่วมผจญภัยในครั้งนี้ด้วย”
บัมเบิลบีเป็นตัวละครที่แทบจะไม่ปริปากเลยในภาคอื่นๆ ของเรื่องราวนี้ คูลีย์ตั้งข้อสังเกต แต่ระหว่างที่อยู่บนไซเบอร์ทรอน บี-127 ตามที่คนรู้จักเขาใน Transformers One ยังคงสามารถพูดได้ และเสียงของเขาก็น่าขันอย่างมีเอกลักษณ์ “ในหนังภาคแรกๆ เขาตลกมากๆ ผมนึกถึงเขาว่าเป็นเหมือนชาร์ลีย์ แชปลินครับ” ผู้กำกับกล่าว “เราตัดสินใจทำให้เขาพูดมาก จริงๆ แล้ว เขาไม่เคยหยุดพูดเลยด้วยซ้ำ ผมนึกถึงคีแกนในทันที เขาสามารถพูดบทพูดอะไรก็ได้ แล้วมันก็ตลก นั่นเป็นข้อเท็จจริงครับ”
ในตอนที่คูลีย์บอกกับคีย์ว่าเขาต้องการจะฟังเสียงเขาจริงๆ สำหรับตัวละครตัวนี้ นักแสดงหนุ่มก็กล่าวว่า เขาพบว่ามันเป็นความรู้สึกอิสระเสรีอย่างน่าประหลาด “ผมได้รับอนุญาตให้แอดลิบและอิมโพรไวส์มากทีเดียว มันบ่งบอกถึงพรสวรรค์และความมั่นใจของจอชในการที่เขาปล่อยให้นักแสดงทำตามใจชอบได้นิดๆ น่ะครับ”
คีย์อยากจะเห็นผลสำเร็จสุดท้ายบนจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขากล่าว “ภาพวิชวลมีมากมายเกินกว่าที่คุณจะได้เห็นในหนังไลฟ์แอ็กชัน คนจะต้องตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดที่ ผมก็แค่หวังว่าพวกเขาจะได้เห็นมันบนจอใหญ่เพื่อให้ได้ความรู้สึกของความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกใบนี้ครับ”
คูลีย์กล่าวว่า คู่หูที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับบัมเบิลบีคือเอลิต้า-1 ผู้จัดการเหมืองผู้ไม่ทนต่อความงี่เง่าของใครทั้งนั้น เอลิต้า-1 ที่พากย์เสียงโดยสการ์เล็ตต์ โยฮันสัน เดิมเป็นผู้เข้าร่วมการเดินทางไปสู่พื้นผิวของไซเบอร์ทรอนอย่างไม่เต็มใจ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปยังเอียคอน ซิตี้และส่งตัวหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ “ตอนที่ผมอ่านบทของเอลิต้า ผมก็ได้ยินเสียงสการ์เล็ตต์” คูลีย์กล่าว “เธอเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ ดังนั้น เราก็ได้เจอกับคู่ตัวละครเยี่ยมๆ ที่เข้าคู่กันได้อย่างดี และรวมตัวกันเป็นสี่สหายที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ”
การให้เอลิต้า-1 มารับบทสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่แฟรนไชส์นี้มีในการสร้างทรานส์ฟอร์เมอร์หญิงจริงๆ ขึ้นมา ตามที่โฟร์แมนจากฮาสโบรได้กล่าวเอาไว้ “การเลือกนักแสดงหญิงอย่างสการ์เล็ตต์ด้วยฝีมือการแสดงและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพมากๆ ครับ เราลงเอยด้วยการขยายบทนี้ให้เธอ เอลิต้ากลายเป็นตัวละครที่มีความสามารถในการผลักดันหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ให้กลายเป็นแบบที่พวกเขาจำเป็นต้องเป็นน่ะครับ”
นอกจากนี้ ทีมนักพากย์ยังได้นักแสดงชื่อดังสามคนมารับบทสำคัญ ซึ่งรวมถึงจอน แฮมม์ในบทเซนทิเนล ไพรม์ ผู้นำของเอียคอน ซิตี้ นับตั้งแต่การสูญเสียน้องชายไป เขาก็เฝ้าค้นหาเมทริกซ์แห่งจิตพลังความเป็นผู้นำอย่างมุมานะ แต่ก็ไร้ผล แฮมม์เนรมิตชีวิตให้กับตัวละครตัวนี้ให้มีกลิ่นอายความกล้าหาญ รวมถึงความหลงตัวเองอย่างน่าขันขณะที่เขาตั้งท่าโชว์ฝูงชมที่ชื่นชมเขา “จอน แฮมม์ใช้เสียงที่วิเศษสุดนั่นอย่างวิเศษสุดในฐานะเซนทิเนลครับ” คูลีย์กล่าว “การแสดงของเขาน่าอัศจรรย์ เขาได้ใส่เอาความเฉิดฉายแบบนักการเมืองตามธรรมชาติเข้าไปในตัวละครตัวนี้ด้วย”
สำหรับอัลฟา ไทรออน รัฐบุรุษทรานส์ฟอร์เมอร์อาวุโสผู้ที่คนเชื่อว่าตายไปพร้อมกับพวกไพรม์แล้ว ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์นได้นำบารมีที่ไม่อาจปฏิเสธได้มาสู่ตัวละครของเขาในระหว่างที่เขาพยายามจะนำทางหุ่นยนต์หนุ่มสี่ตัวไปสู่เป้าหมายของพวกเขา “นั่นเป็นเสียงที่คุณต้องฟังครับ” คูลีย์ยืนยัน “ทุกครั้งที่ลอว์เรนซ์พูดอะไรบางอย่างออกมา ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ ‘ส่งดินสอนั่นมาให้หน่อยได้ไหม’ คุณก็จะทำตามครับ”
สตีฟ บุชเชมีเข้าร่วมทีมนักพากย์ในบทดีเซ็ปติคอน สตาร์สครีม และนำความเพี้ยนไร้ขอบเขตมาสู่กระบวนการด้วย “สตีฟเป็นตัวเลือกแรกของเราเสมอ” คูลีย์กล่าว “เขาเพอร์เฟ็กต์เลย ผมชื่นชมผลงานของเขามานานแล้ว เป็นเรื่องเยี่ยมจริงๆ ที่สามารถอธิบายสิ่งที่ผมต้องการแล้วเขาก็พูดว่า เยี่ยมเลย ลงมือทำกันเถอะ แล้วเขาก็กระโจนเข้าไปในบูธแล้วเริ่มกรีดร้องครับ”
จำนวนผู้มากพรสวรรค์ที่มารวมตัวกันเป็นทีมนักพากย์เสียงของภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแม้แต่ทีมผู้สร้าง ตามที่เด็มพูด “พวกเขาแต่ละคนรักแฟรนไชส์นี้จริงๆ แล้วตอนที่พวกเขาได้เห็นภาพวิชวล พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม จอชดึงเอาการแสดงที่เหลือเชื่อจากพวกเขาทุกคนออกมาได้ครับ”
Transformers One ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแอ็คชั่นไซไฟแห่งปี เข้าฉาย 26 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์