เปิดใจ Joaquin Phoenix กับการกลับมารับบท Joker อีกครั้ง ในภาพยนตร์ภาคต่อ JOKER: FOLIE A DEUX

ผลงานจากผู้เขียนบทฯ / ผู้กำกับฯ / ผู้อำนวยการสร้างฯ ชื่อดัง ทอดด์ ฟิลลิปส์ สู่ภาพยนตร์เรื่อง Joker: Folie À Deux ที่มีการเฝ้ารออย่างมาก ผลงานต่อจากภาพยนตร์ปี 2019 ที่ได้รับรางวัล Academy Award เรื่อง Joker ที่กวาดรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกไปมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ และยังคงเป็นภาพยนตร์เรท R ที่กวาดรายได้สูงสุดตลอดกาล ภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้นำแสดงโดย วาคีน ฟีนิกซ์ ผู้กลับมารับบทควบทั้งอาร์เธอร์ เฟล็ค/ โจ๊กเกอร์ ที่ทำให้เขาได้รางวัล Oscar มาแล้ว ร่วมกับ เลดี้ กาก้า เจ้าของรางวัล Oscar (A Star Is Born)

Joker: Folie À Deux จะพาเราไปพบกับอาร์เธอร์ เฟล็คที่ถูกขังอยู่ที่อาร์คแฮม เพื่อรอการไต่สวนจากเหตุการณ์ก่ออาชญากรรมของเขาในร่างโจ๊กเกอร์ ขณะที่กำลังต่อสู้กับการมีบุคลิกสองด้านของตัวเอง อาร์เธอร์ไม่ได้เพียงเสียศูนย์เพราะความรักเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้พบกับเสียงดนตรีที่อยู่ในตัวเขาเสมอมาด้วย

คุณกับท็อดด์ ฟิลลิปส์ เริ่มคุยกันเรื่องภาคต่อของ Joker มาตั้งแต่เมื่อไหร่

เราคุยกันตั้งแต่เนิ่นๆ เลยครับ ผมว่าตอนนั้นน่าจะถ่ายทำภาคแรกไปได้ครึ่งทาง เราไม่ได้ทำภาคนั้นโดยนึกถึงภาคต่อไปด้วยหรอกนะ แต่ผมว่าโลกในหนังมันสมบูรณ์หลากหลายและตัวละครก็ดูมีความเป็นไปได้มากมายและไปต่อได้อีกหลายทาง เราก็เลยเริ่มคุยกันว่าเรื่องราวน่าจะเป็นยังไงต่อ บางครั้งก็เป็นแค่การพูดแหย่กันเล่นๆ เราชอบนึกไอเดียที่ทำให้เราได้หัวเราะขำกัน แต่บางครั้งเราก็คุยเป็นจริงเป็นจังด้วยเหมือนกัน แต่ผมจำได้ว่าไอเดียหนึ่งที่เราเริ่มต้นคุยกันและน่าจะเป็นหนึ่งในไอเดียที่ดูเข้าเค้ามากที่สุด ก็คือการตั้งคำถามว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณเบื่อหน่ายการแสดงแล้ว เมื่อคุณเบื่อการเป็นตัวละครที่คุณได้สร้างขึ้นมา

เราคุยกันว่าวงดนตรีอย่าง Kiss หรือวงดนตรีที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนจดจำ หลังจากทัวร์มานานหลายปี พวกเขาก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์แบบเดิมเอาไว้ หรืออย่างออซซี ออสบอร์น แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกเขาแค่อยากอยู่บ้านเงียบๆ และไม่อยากรับบทเป็นตัวละครนั้นอีกต่อไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคู่รักของพวกเขากลับตกหลุมรักตัวละครนั้นมากกว่าตัวตนจริงๆ และนั่นเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผมจำได้ว่าเคยคุยกับท็อดด์และรู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียนี้มาก ช่วงนั้นเราน่าจะถ่ายทำ Joker ไปสักครึ่งทางได้

รู้สึกอย่างไรที่ได้มาทำงานในภาคนี้และนำอาร์เธอร์ไปสู่เรื่องราวบทต่อไป

สารพัดอย่างเลยครับ ส่วนหนึ่งผมก็รู้สึกลังเล ประสบการณ์จากการทำภาคแรกเป็นสิ่งที่พิเศษมาก จนผมไม่อยากให้มีอะไรมาลดทอนคุณค่าของมัน แต่ผมก็ชอบแนวคิดว่าด้วยความท้าทาย ว่าด้วยการสานต่อเรื่องราวโดยเล่นกับโทนที่ต่างออกไป เราเริ่มคุยเรื่องดนตรีและการแสดงในช่วงที่… ผมไม่แน่ใจว่าหนังภาคแรกเข้าฉายแล้วหรือยัง หรือว่าเพิ่งฉาย แต่เราเริ่มพูดเรื่องการแสดงหรือที่จริงคือการโชว์ เหมือนอย่างการแสดงสดน่ะครับ ผมคิดว่าตัวละครนี้ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้สำรวจ ผมไม่อยากที่จะทิ้งมันไปเฉยๆ ผมก็เลยทั้งตื่นเต้นและกังวลด้วย ผมคิดไปทุกอย่างเลยละครับ

ท็อดด์บอกว่าอาร์เธอร์เป็นคนมีดนตรีในหัวใจ คุณคิดอย่างไรกับประเด็นนี้

มันเป็นสิ่งที่เขาพูดมาตลอดในหนังภาคแรกครับ ก็ตลกดีเพราะในภาคแรกมีฉากต่างๆ ทั้งฉากเต้น ฉากบนบันไดในตอนจบซึ่งอยู่ในบทของภาคแรกอยู่แล้ว แต่เรากลับค้นพบว่ามีช่วงเวลาอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เขียนลงไปในภาคแรก เพราะเรารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของอาร์เธอร์และโจ๊กเกอร์คล้ายจะมีความสอดคล้องไปกับดนตรี อันที่จริงคือโจ๊กเกอร์มากกว่า เขามีท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่สวยงามในหลายๆ ครั้ง เหมือนมีจังหวะที่คอยขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ ดังนั้น มันจึงรวมอยู่ในบทอยู่แล้ว และเราก็ค้นพบเพิ่มขึ้นอีกในขณะถ่ายทำ และผมคิดว่าเรามีแม้กระทั่ง… มีบางช่วงที่ผมร้องเพลงในภาคแรกซึ่งผมก็จำไม่ได้หรอก แต่ผมว่ามันไม่อยู่ในบทนะ หรืออาจมีก็ได้

ผมคิดว่าดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในตัวเขามาตลอด มันอาจเป็นสิ่งที่นำเขาย้อนกลับไปหาอดีต มีอารมณ์โหยหาอดีตอยู่ในเพลงบางเพลงที่เขาฟัง และผมคิดว่าในภาคแรก เราได้เห็นการปรากฏตัวของโจ๊กเกอร์ผ่านดนตรีและเสียงเพลงที่อยู่ในหัวของเขา เมื่อบุคลิกของโจ๊กเกอร์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เราจะได้ยินดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยมของฮิลดูร์ [กุดนาดอตตีร์] และเราก็ได้รู้ว่านี่คือดนตรีที่ดังอยู่ในหัวของเขาและเขาเคลื่อนไหวตามเสียงเพลงนั้น จากนั้นช่วงที่มีดนตรีและการเต้นบนบันได ผมคิดว่าคราวนี้เราได้เห็นทั้งดนตรีในตัวอาร์เธอร์และดนตรีในตัวโจ๊กเกอร์ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งของฉากนี้คือการได้เห็นว่ามีอะไรเหลื่อมซ้อนกัน และมีการเหลื่อมซ้อนกันอยู่หรือเปล่า บุคลิกทั้งสองด้านของเขามาบรรจบกันตรงจุดไหน และผมคิดว่าหลายสิ่งงเหล่านั้นเกิดขึ้นผ่านดนตรีที่เขาได้ยินอยู่ในหัว

และในภาคนี้ก็เป็นเพลงประกอบจากฮิลดูร์ กุดนาดอตตีร์ อีกครั้ง ซึ่งเยี่ยมไปเลยใช่ไหม

ครับ บางสิ่งที่เราพูดกันก็คือการพยายามหาหนทางเพื่อผสมผสานบทเพลงที่ฮิลดูร์แต่งและบรรเลง เข้ากับบทเพลงที่ร้องอยู่ในฉากนั้นๆ หรือในบางช่วงของการเต้น ตัวอย่างเช่น มีเพลงที่ชื่อว่า When You’re Smiling เราลองใช้หลายเพลงดูเล่นๆ และเราก็ได้พบเพลงนี้ ผมเล่นให้ท็อดด์ฟังและเขาก็ชอบ เราคุยกันว่า “เอาละ ลองเอามันมาใช้ในฉากนี้ดู เราจะลองใช้เพลงนี้สักสองสามเทคแล้วลองบางเทคแบบไม่มีเพลง” จากนั้นเราก็นำดนตรีประกอบของฮิลดูร์มาซ้อนลงไป มันกลายเป็นการปะทะกันที่น่าสนใจมากระหว่างดนตรีสองสไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งผมคิดว่าช่วยสะท้อนภาวะทางจิตใจของอาร์เธอร์และโจ๊กเกอร์ได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น ดนตรีของฮิลดูร์จึงมีส่วนสำคัญมากในหนังภาคแรก และผมก็ยินดีมากที่เธอมาสร้างผลงานที่โดดเด่นในภาคนี้ด้วย

คุณได้เต้นในภาคนี้ รวมถึงการเต้นแท็ปด้วย คุณสนุกกับการเตรียมตัวและฝึกซ้อมในฉากเหล่านั้นร่วมกับผู้ออกแบบท่าเต้น ไมเคิล อาร์โนลด์ มากน้อยเพียงใด

ก็ตลกดีนะ มันเป็นสิ่งหนึ่งซึ่ง… ผมคุยถึงเรื่องการเต้นแท็ปในหนังภาคแรก เพราะมีช่วงหนึ่งในภาคแรกที่ผมไปออกรายการ เดอะ เมอร์เรย์ แฟรงคลิน โชว์ และผมทำท่าหมุนตัวซึ่งผมว่าคล้ายท่าเต้นแท็ปซึ่งไมเคิล อาร์โนลด์ก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป เราก็เลยคุยกันว่า “อ้อ ถ้าเราทำหนังอีกภาค ก็น่าจะใส่การเต้นแท็ปลงไปด้วยนะ” เพราะว่ามันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมน่าจะทำได้ แต่มันยากมากเลยครับ ผมต้องขยับเท้าในแบบที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย ยิ่งสำหรับคนอายุ 40 ปลายๆ ถึงผมดูเหมือนพูดประชดและไม่สนุกไปกับการเต้น แต่จริงๆ มันสนุกนะ ผมว่ามันท้าทายมากเลยละ

สำหรับการทำงานกับไมเคิล ผมเคารพเขาในฐานะนักเต้นและผู้ออกแบบท่าเต้น และเขาก็เข้าใจตัวละครเป็นอย่างดี ในกรณีนี้เขาต้องทำงานกับตัวละครหลายๆ ตัวด้วย และผมก็ตื่นเต้นที่ได้กลับไปเต้นกับเขาและค้นพบสิ่งใหม่ๆ เราทำงานเรื่องการเต้นแท็ปอยู่นานทีเดียว ซึ่งบ้าบอมากเพราะเอาเข้าจริงๆ ผมเต้นสัก 30 วินาทีได้มั้งในหนัง ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราทำงานกันอยู่นานขนาดไหน แต่มันนานมากๆ เลย แค่เต้นสเต็ปง่ายๆ ให้ได้ก็ใช้เวลานานแล้ว อย่างน้อยสำหรับผมน่ะนะ มันสนุกที่ได้ท้าทายตัวเองและลองทำอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ แต่ก็ยากที่จะอธิบายให้คนอื่นฟัง เพราะเวลาคนเห็นท่าเต้นที่เรียบง่ายหรือการเต้นแท็ปแบบเรียบง่าย พวกเขาก็จะบอกว่า “ว้าว เจ๋งมากเลย มันดูเหมือนง่ายเลยเนอะ” แล้วเราก็ตอบกลับไปว่า “คุณรู้บ้างไหมว่ามันโหดหินขนาดไหน” [หัวเราะ]

มาพูดถึงนักแสดงร่วมในหนังเรื่องนี้กัน ลีห์ กิลล์ กลับมารับบทเป็นแกรี พัดเดิลส์…

ลีห์เก่งมากครับ ลีห์เป็นคนที่ผมกับท็อดด์คุยกันมาตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนที่เราเริ่มพูดถึงแนวคิดต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งในประเด็นทำนองที่ว่า “คงน่าสนุกดีนะถ้าเราได้เห็น…” และเมื่อไอเดียเริ่มเป็นจริงเป็นจังขึ้น ลีห์ก็เป็นคนที่เราอยากให้กลับมาในภาคนี้ เขาสร้างความประทับใจเอาไว้ในภาคแรก และผมจำฉากแรกที่เล่นกับเขาได้ มันเป็นฉากร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ อีกหกคนและเขาก็โดดเด่นออกมาเลย เขาถ่ายทอดบทพูดออกมาได้อย่างจริงใจ ผมอยากทำงานกับเขาอีกครั้งมาตลอดครับ อยากให้เขาได้เล่นในหลายฉากมากกว่านี้ ใน Joker เราพยายามหาฉากอื่นๆ ให้เขาเพราะเขาเล่นดีมาก ผมก็เลยตื่นเต้นมากที่ได้เขากลับมาและได้อยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญมากในภาคนี้ด้วย

แล้วยังมีนักแสดงชาวไอริชฝีมือเยี่ยมอย่างเบรนแดน กลีสัน ซึ่งมารับบทเป็นแจ็คกี ซัลลิแวน ผู้คุมของคุณที่อาร์คัมด้วย…

เขาเป็นนักแสดงอีกคนที่ผมชื่นชมครับ ผมเคยทำงานกับเขา จำไม่ได้เหมือนกันว่าเราได้เล่นด้วยกันมากแค่ไหน แต่ก็หลายปีมาแล้ว เลยรู้สึกดีใจที่ได้พบเขาอีกครั้ง ผมจำได้ว่าในหนังเรื่อง The Village ตอนนั้นผมคิดว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งเลยแหละ

นักออกแบบงานสร้าง มาร์ค ฟรีดเบิร์ก ก็กลับมา และเป็นอีกครั้งที่งานฉากในเรื่องนี้ออกมาไม่ธรรมดา ช่วยพูดถึงงานฉากอาร์คัม อาคารศาล หรือฉากอื่นๆ ที่โดดเด่นในสายตาคุณได้ไหม

ภาคที่แล้วเราถ่ายฉากนอกอาคารเยอะอยู่นะครับ ส่วนฉากภายในที่ต้องสร้างขึ้นมาก็มีอพาร์ตเมนต์ผมและโถงทางเดินในอพาร์ตเมนต์ สำนักงานสังคมสงเคราะห์ และปลายโถงทางเดินของอาร์คัม… นั่นคือการสร้างฉากในภาคที่แล้วเท่าที่ผมจำได้นะ เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากโครงสร้างที่มีอยู่เดิมแล้วปรับให้มันเวิร์คครับ ผมก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับฉากพวกนี้ เพราะมันแพงกว่าในภาคที่แล้วมาก พอผมไปโรงถ่าย ฉากพวกนี้เป็นฉากภายในแทบทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นแทบทุกอย่างที่คุณเห็นในหนังจึงเป็นฉากที่สร้างขึ้นมา ผมตกใจนะตอนที่เข้าไปในพื้นที่แต่ละส่วน เพราะโดยปกติแล้วฉากที่สร้างขึ้นมา… อาจจะมีผนังสักสามด้านแค่นั้นพอ แล้วก็จะมีห้องหลายๆ ห้องกระจายกันอยู่ทั่วทั้งโรงถ่าย แต่เรื่องนี้ในโรงถ่ายมีฉากครบสมบูรณ์ของโถงทางเดินสามโถง ห้องน้ำหนึ่งห้อง สถานพยาบาล ห้องกิจกรรมรวมยาวขึ้นชั้นบนไปจนถึงโรงอาหาร และทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน

เพราะฉะนั้นการได้อยู่ในฉากจึงให้ความรู้สึกว่าเราอยู่ในพื้นที่เดียวที่ครบสมบูรณ์ มันยากที่จะอธิบายนะว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหนสำหรับนักแสดง ผมแน่ใจว่าท็อดด์และแลร์รี [เชอร์] ผู้กำกับภาพ ก็น่าจะชอบเหมือนกัน ไม่รู้สิ ผมแค่พูดได้จากมุมมองของตัวเองในฐานะนักแสดง การได้รู้ว่าพื้นที่นี้มีชีวิตชีวาและเข้าถึงได้แบบนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากเลย เขาทำผลงานได้น่าเหลือเชื่อ เราจึงมีทั้งพื้นที่ซึ่งเป็นของจริงและเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ให้ความรู้สึกสมจริงและอยู่ในโลกความเป็นจริง ขณะเดียวกันที่ปลายอีกฝั่งหนึ่ง เราก็มีองค์ประกอบอันน่ามหัศจรรย์สำหรับฉากแฟนตาซีด้วย เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ได้เห็นคนคนหนึ่งออกแบบฉากภายในพื้นที่นั้นและได้เห็นขั้วที่แตกต่างกันสองขั้ว จากอาร์คัมที่ผุพังชำรุดทรุดโทรมไปจนถึงสิ่งที่ดูบรรเจิดงดงามหรือโรแมนติก การได้เห็นฉากแบบนั้นมันน่าทึ่งไปเลยครับ

แอเรียนน์ ฟิลลิปส์ นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ต่อยอดจากสิ่งที่เราเห็นในหนังภาคที่แล้ว แต่ก็ได้ออกแบบงานใหม่ๆ ขึ้นมากมายด้วย คุณดูเหมือนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ในอาร์คัม

ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่ว่า “เราจะเข้าถึงบรรยากาศความหยาบกระด้างในอาร์คัม ขณะเดียวกันก็สร้างช่วงเวลาของการหลีกหนีที่ทุกสิ่งดูอบอุ่น สวยงาม โรแมนติก และคลาสสิกขึ้นมาได้อย่างไร” ซึ่งแอเรียนน์ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเครื่องแต่งกายครับ ผมจำได้ว่าเข้าไปเห็นสูทแบบต่างๆ ทั้งสูทสีขาวและสีพาวเดอร์บลู มันงดงามมากทั้งรายละเอียดและรูปทรง เธอเชี่ยวชาญด้านรูปทรงของเสื้อผ้า และเป็นเรื่องดีมากๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับเธอ ผมเคยทำงานกับเธอเมื่อหลายปีมาแล้วจึงเป็นเรื่องดีที่ได้ร่วมงานกับเธออีก เธอทำงานได้ยอดเยี่ยมมากครับ

คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้หนังทั้งสองภาคนี้ตรงใจผู้ชม

[หัวเราะ] อันที่จริงเราอย่าเพิ่งด่วนสรุปไปก่อนจะดีกว่านะครับ

มีเหตุผลนะ ถ้าอย่างนั้น สุดท้ายนี้ สิ่งไหนที่คุณประทับใจมากที่สุดเกี่ยวกับเลดี้กาก้า

เยอะแยะมากมายเลย แต่ผมจะบอกว่าผมประทับใจกับความทุ่มเท การทำงานหนัก และความเข้าถึงได้ในแบบที่เธอเป็น บางทีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมคิดไปเองว่าซูเปอร์สตาร์จะต้องเป็นยังไง เพราะเธอเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวแม่ชัดๆ แต่ผมก็ได้เห็นความทุ่มเทเต็มที่ แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับนักแสดงหลายคนที่ไม่ได้เป็นดาราหรือไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ด้วยซ้ำ เธอมาถึงกองถ่ายแต่เช้าและอยู่ในกองถ่ายตลอด เธอมักจะไปอยู่ในห้องเก็บของเล็กๆ ที่มีเก้าอี้วางไว้ อ่านบทอยู่หรือไม่ก็ใช้เวลาพูดคุยทุกๆ เรื่องเกี่ยวกับฉากต่างๆ ผมคิดว่าผมกับท็อดด์ชอบการใช้เวลาให้เต็มที่กับการทดลองสิ่งใหม่ๆ และสิ่งที่แตกต่างออกไป และใช่ว่าทุกคนจะทำแบบนั้นได้หรืออยากทำแบบนั้น แต่ผมก็ต้องทึ่งเมื่อได้เห็นว่าเธอยืดหยุ่นขนาดไหน เธอพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนจากมุมมองที่คิดเอาไว้ว่าฉากนั้นน่าจะเป็นยังไงเพื่อทดลองสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ

เรื่องนี้สุดยอดเลยสำหรับผม นักแสดงแบบนี้แหละที่ผมอยากทำงานด้วย และเธอก็ไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าท็อดด์อยากลองแบบไหน เธอจะบอกว่า “โอเค ได้เลย” จากนั้นเธอก็จะลองทำสิ่งใหม่ๆ มีช่วงหนึ่งที่ให้ความรู้สึกสมจริงมากๆ ผมจำได้ว่าช่วงแรกที่ถ่ายฉากนั้น เราจะถ่ายช็อตโคลสอัพของผมก่อน จากนั้นค่อยหันกล้องไปทางเธอ แล้วเธอก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีและจริงใจมากๆ จนผมต้องบอกว่า “ท็อดด์ ถ่ายช็อตของผมใหม่เถอะเพราะผมรู้แล้วว่าควรจะเล่นยังไง” เธอน่าประทับใจมากครับ

JOKER: FOLIE A DEUX กำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ 2 ตุลาคมนี้