เมื่อครอบครัวชาวอเมริกันได้รับคำเชิญให้ไปใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่บ้านในชนบทที่เงียบสงบของครอบครัวชาวอังกฤษแสนน่ารัก ที่พวกเขาได้ผูกมิตรกันในระหว่างช่วงพักร้อน สิ่งที่เริ่มต้นจากการเป็นวันหยุดในฝันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นฝันร้ายที่คุกคามจิตใจของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
Speak No Evil ผลงานจากบลัมเฮาส์ ผู้อำนวยการสร้าง The Black Phone, Get Out และ The Invisible Man ทริลเลอร์ลุ้นระทึกสุดเข้มข้นสำหรับยุคสมัยใหม่ของเรา เขียนบทสำหรับภาพยนตร์และกำกับโดยเจมส์ วัตกินส์ มือเขียนบทและผู้กำกับจาก Eden Lake และเรื่องผีกอธิคที่ได้รับรางวัล The Woman in Black มีเค้าโครงจากบทภาพยนตร์เรื่อง Gæsterne ซึ่งเป็นภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติเดนิชปี 2022 ที่สร้างเสียงฮือฮา เขียนบทโดยคริสเตียน แทฟดรัพและแมดส์ แทฟดรัพ และนำแสดงโดยนักแสดงรางวัล BAFTA เจมส์ แม็คอะวอย (Split, Glass) กับบทบาทอันโดดเด่นในบท แพ็ดดี้ หัวหน้าครอบครัวผู้มีเสน่ห์และเป็นผู้นำ แต่ภายใต้การต้อนรับอย่างไร้ขอบเขตนั้นกลับซ่อนความมืดมิดที่สุดจะพรรณนาเอาไว้
แพ็ดดี้นำเสนอตัวเองว่าเป็นอดีตแพทย์จากเมืองใหญ่ เป็นผู้ชายที่มีความเป็นลูกผู้ชายแบบเก่าเต็มเปี่ยม เขามีความกระหายตามสัญชาตญาณดิบและมีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกเรื่อง เขาต่อต้านพวกเสรีนิยมที่เป็นพวก ‘โว้ค’ แบบเสแสร้ง และการชิงดีชิงเด่นด้านอาชีพการงาน และเลือกชีวิตที่เรียบง่ายกว่า การใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีและไร้สิ่งผูกมัดในชนบทของอังกฤษกับภรรยาและลูกชายตัวน้อย แต่ลึกลงไปในความเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจนของแพ็ดดี้ซุ่มซ่อนเงามืดของความขุ่นเคืองและความปรารถนาที่จะครอบครองที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะพุ่งทะลวงสู่พื้นผิวเอาไว้
สำหรับบท แพ็ดดี้ ผู้ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ภายในใจ ผู้กำกับ เจมส์ วัตกินส์ ได้หันไปหาเจมส์ แม็คอะวอย นักแสดงละครเวทีและภาพยนตร์ชาวสก็อตชื่อดัง ผู้โด่งดังจากการรับบทชาร์ลส์ ซาเวียร์ ซูเปอร์ฮีโรผู้ใช้พลังจิต ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่อง the X-Men และเควิน เวนเดล ครัมบ์ หนุ่มที่มีอาการป่วยทางจิตในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของบลัมเฮาส์เรื่อง Split และ Glass “แพ็ดดี้จะต้องทำให้เราหลงเสน่ห์ได้แม้แต่ตอนที่เขาเกือบๆ จะทำให้เรากลัว และเจมส์ก็รู้ว่าจะเดินอยู่บนเส้นบางๆ นั้นได้ยังไง” วัตกินส์กล่าว “ผมได้ดูเขาในหนังเรื่อง Filth แล้วก็ต้องตะลึง ตัวละครของเขาเลวร้ายมาก แต่เจมส์ก็สามารถทำให้เราคอยติดตามเขาได้ นักแสดงที่ฝีมือน้อยกว่านี้คงจะทำให้เราหมดความสนใจไปแล้ว และนอกจากจะเป็นนักแสดงหนังแล้ว เขายังเป็นนักแสดงละครเวทีที่วิเศษสุดด้วย ในการสำรวจแพ็ดดี้ เขาไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังล้วงลึกเข้าไปในคลังทรัพยากรคลาสสิกอย่างเอียโก้ ริชาร์ดที่สามและเมฟิสโตเฟลิส ผมคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีใครที่จะแสดงเป็นแพ็ดดี้ได้ดีกว่าเจมส์อีกแล้ว ความเข้าใจในอารมณ์และจิตใจของเขา ในการเก็บรายละเอียดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ไม่มีใครเทียบได้เลย เขาเป็นนักแสดงคนแรกและคนเดียวที่ผมทาบทามครับ”
แม็คอะวอยรู้สึกสนใจในทันที “บลัมเฮาส์สร้างหนังมาสารพัดรูปแบบ แต่พวกเขาโด่งดังจากหนังสยองขวัญเป็นส่วนใหญ่ และพวกเขาก็ชำนาญเรื่องนี้ซะด้วยสิครับ” แม็คอะวอยกล่าว “พออ่านบทหนังเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมเปิดอ่านต่อหลังจากหน้าสามคือความจริงที่ว่า ตัวละครพวกนี้ให้ความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ และมันก็มีเค้าโครงจากสิ่งต่างๆ ที่เราสามารถมองเห็นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง หนังเรื่องนี้มักจะเล่นกับสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่ได้และอันตรายจากความเสี่ยงของเราตอนที่เราเลือกที่จะทนอยู่กับพฤติกรรมหรือสภาพที่เหยียดหยามเราเพราะเราไม่เชื่อว่าเราคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า ไม่เชื่อว่าสิ่งต่างๆ สามารถดีขึ้นได้ หรือไม่รู้ว่าจะคิดหรือพูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้อีกต่อไปแล้ว”
สำหรับแพ็ดดี้ แม็คอะวอยรู้สึกทึ่งกับความหมายและเลเยอร์มากมายของตัวละครตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นตัวแทนของความเป็นลูกผู้ชายแบบคร่ำครึของเขา “แพ็ดดี้ยึดถือการแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายแบบโบร่ำโบราณครับ” แม็คอะวอยกล่าว “ผมกับเจมส์ วัตกินส์เอนเอียงไปทางแง่มุมนี้ของเขาขณะที่เรากำลังลงรายละเอียดว่าแพ็ดดี้เป็นใคร และเขามีความหมายอย่างไรต่อเรื่องราวและวัฒนธรรม เพื่อสร้างกลิ่นไอลึกลับบางอย่างให้กับเขาพร้อมด้วยความเข้าถึงได้ที่พอเหมาะพอเจาะ ตรงนี้คือลูกผู้ชายที่ยึดถือแนวคิดความเป็นลูกผู้ชายแบบเก๋ากึ้ก เขาใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ยังชีพอยู่ได้ด้วยทรัพยากรจากผืนแผ่นดิน ตามที่คุณอาจจะคิดอย่างนั้น ทั้งหมดดูเหมือนจะสมบูรณ์และตรงไปตรงมา แต่ที่เรากำลังพูดถึงคืออังกฤษโบราณนะครับ มันมีความมืดมิดในผืนแผ่นดิน มีประวัติศาสตร์ของความรุนแรง การนองเลือดและสิ่งเลวร้ายในผืนดินนั้น ดังนั้น มันก็เลยมีความชั่วร้ายในความเป็นลูกผู้ชายแบบตรงไปตรงมาที่เขากำลังขายฝันและทำให้มันดูสวยงามครับ”
แม็คอะวอยค้นพบมิติในบทนี้มากขึ้นระหว่างที่เขาและแอชลิง ฟรานโชซี เพื่อนร่วมแสดงของเขา ได้ร่วมมือกับวัตกินส์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแพ็ดดี้และเคียรา ภรรยาของเขา “แพ็ดดี้และเคียราเป็นคู่รักที่บ้าคลั่ง ผู้มีความรู้สึกเร่าร้อนที่ไม่อาจเอ่ยถึงได้ และตอนแรก พวกเขาก็ถูกพวกดัลตัน ทั้งเบนและหลุยส์ในระดับที่น้อยลงมา มองว่าตัวแทนแห่งความหวังและแสงสว่างในชีวิตที่หลงทางและชีวิตคู่ที่เผชิญกับมรสมอยู่ของพวกเขา มันบ่งบอกถึงความจริงบางอย่างเกี่ยวกับแพ็ดดี้และเคียรา ที่ปรากฏอยู่ในบทอยู่แล้ว แต่เราขุดเอาอะไรหลายๆ อย่างได้เพิ่มขึ้นอีกในระหว่างการซ้อมและในกองถ่าย จริงอยู่ว่าพวกเขาน่ารังเกียจในหลายๆ แง่มุม แต่พวกเขาก็รักกัน และความรักของพวกเขาก็เป็นรักแท้ที่สมบูรณ์ ดังนั้น คุณก็เลยมีผู้ร้ายคู่นี้ที่รักกันจริงๆ และมีคนดีที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสำรวจหรือแสดงออกถึงความรักยังไงอีกต่อไปแล้วด้วยเหตุผลหลายๆ ประการด้วยกัน อาจเป็นเพราะประเด็นต่างๆ ในความสัมพันธ์ของพวกเขาหรืออาจเป็นเพราะสังคมสมัยใหม่ที่ทำให้พวกเขาตั้งคำถามว่าความรักจะบังเกิดผลได้ยังไง การตระหนักถึงธีมพวกนั้นและบ่มเพาะมันทำให้เกิดความสัมพันธ์และความขัดแย้งที่รุ่มรวยครับ”
นิสัยที่ทรงพลังและกระตุ้นอารมณ์ของแพ็ดดี้ทำให้ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่เขารู้สึกสนุกเมื่อได้แสดง แต่เขาก็ระมัดระวังในการหาโทนที่เหมาะสมสำหรับตัวละครตัวนี้เสมอ “แพ็ดดี้เป็นตัวละครที่สนุกอย่างเหลือเชื่อและเขาก็มักจะแสดงอยู่เสมอ” แม็คอะวอยกล่าว “แต่คุณก็ต้องระมัดระวังเวลาเล่นตัวละครแบบนั้นเพราะมันอาจกลายเป็นบทที่ขี้อวดได้ ถึงแม้ว่านั่นอาจจะมีประสิทธิภาพมากๆ สำหรับนักแสดง แต่มันก็อาจจะไม่ได้มีความสมจริงมากซักเท่าไหร่ เรามักพยายามที่จะวางรากฐานตัวละครตัวนี้บนประวัติ แรงจูงใจและแรงปรารถนาจริงๆ เพื่อให้มันเผยธรรมชาติที่แท้จริงของเขาออกมา แม้ว่าแพ็ดดี้จะเป็นคนที่ต่อต้านวัฒนธรรมและนิสัยแปรปรวนอย่างน่าทึ่ง แต่มีความมืดมิดที่แท้จริงในตัวเขา และมันก็อยู่ตรงนั้นเสมอให้ผู้ชมได้เห็น ถ้ามีตอนไหนที่ทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนหนังสยองขวัญคลาสสิกล่ะก็ มันก็คงจะเป็นตอนที่ผู้ชมตะโกนใส่ตัวละครว่า ‘อย่าไปตามระเบียงมืดๆ นั่น!’ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปตามนั้น ความแตกต่างตรงนี้คือระเบียงมืดๆ ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นแพ็ดดี้และเคียราครับ”
*Speak No Evil กำหนดฉาย 12 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์