SM Entertainment เปิดตัวศิลปินเสมือนจริงคนแรกของค่าย nævis พร้อมเพลงเดบิวต์ Done จากผู้ช่วยในโลกทัศน์ของ aespa สู่ ‘ศิลปินในโลกแห่งความจริง’

nævis (นาวิส) ศิลปินเสมือนจริงคนแรกของ SM Entertainment เริ่มก้าวแรกไปสู่ความเป็นจริง พร้อมกับเพลงเดบิวต์ Done ที่ปล่อยออกมาให้รับฟังได้แล้ววันนี้ ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงทางออนไลน์ทั่วโลก (https://lnk.to/DoneThe1stSingle)

nævis นำเสนอโดย SM Virtual IP Center เป็นคาแรกเตอร์ที่เคยปรากฏตัวในเรื่องราวโลกทัศน์ของ aespa ในฐานะผู้ช่วยที่คอยช่วยเหลือทั้ง 4 สมาชิกอย่าง คาริน่า จีเซลล์ วินเทอร์) และ หนิงหนิง ด้วยการใช้ความสามารถในการเปิด P.O.S. ที่สามารถเดินทางระหว่าง REAL WORLD (โลกแห่งความจริง) และ KWANGYA (ควังยา หรือโลกดิจิทัล)

ก่อนหน้านี้ nævis ได้ร่วมร้องในเพลง Welcome To MY World ที่รวมอยู่ในมินิอัลบั้มชุดที่ 3 MY WORLD ของ aespa จากนั้นเปิดตัวเวทีเซอร์ไพรส์ครั้งแรกในคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งที่สอง 2024 aespa LIVE TOUR – SYNK : PARALLEL LINE –’ ของ aespa เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตามด้วยการปล่อยคอนเทนต์คุณภาพสูงที่มีเรื่องราวโลกทัศน์อันยิ่งใหญ่ ทั้ง The Birth of nævis และ nævis Origin Story ที่มีถึง 5 ตอน ได้แก่ Ep 1. Are you there?, Ep 2. Call me nævis, Ep 3. 빛 (Hope), Ep 4. Code Black และ Ep 5. If I Could Connect to You Again

สำหรับซิงเกิลเดบิวต์ Done เป็นเพลงที่สื่อถึงก้าวแรกของ nævis ที่เดินทางไปสู่อิสรภาพ หลุดพ้นจากพื้นที่และสิ่งที่เคยกดขี่ตัวเองมายาวนาน ซึ่งบรรยากาศของเพลงนี้จะมีทั้งความลึกลับและความตึงเครียด รวมถึงเสียงสังเคราะห์สุดอลังการที่เข้ากันอย่างลงตัวกับการเล่าเรื่องที่แสดงถึงความปรารถนาในโลกใหม่ อีกทั้งในเนื้อเพลงยังบอกเล่าเรื่องราวอย่างน่าสนใจเกี่ยวกับการก้าวไปสู่โลกของตัวเองโดยไม่ต้องหันกลับมามองหลังจากจบ (Done) บทแล้ว ดังนั้น ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวโลกทัศน์ของ nævis อย่างเต็มที่

มิวสิกวิดีโอเพลง Done ยังถ่ายทอดให้เห็นถึง nævis ที่สนุกสนานกับโลกแห่งความจริงอย่างมีอิสระหลังจากมาถึงเมือง ตลอดจนวิชวลที่หลากหลายของ nævis ที่ก้าวข้ามพื้นที่ดิจิทัลและโลกแห่งความจริง ซึ่งจะพาผู้ชมเข้าถึงอารมณ์มากขึ้นผ่านความงดงามของภาพต่างๆ

ทั้งนี้ nævis เตรียมใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่างเต็มที่ และทำกิจกรรมในฐานะคาแรกเตอร์ที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม โดยวางแผนที่จะขยายจักรวาล IP ไม่เพียงแต่เพลงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเว็บตูน, เกม, สินค้า, การทำงานร่วมกับแบรนด์ ฯลฯ ผ่านเสียงร้องที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีเสียง AI และคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นด้วย Generative AI